พระธรรมเทศนาเรื่อง “กว่าจะรู้ว่าพ่อรัก” นี้ปรารถนาให้ทุกท่านที่ได้มีโอกาสได้เข้ามาศึกษา ได้ใช้ไปเป็นแนวทางในการอบรมบ่มเพาะบุตรหลานของแต่ละท่าน ให้เป็นคนเก่งและดีเป็นคนดีที่โลกต้องการ ดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุขและปลอดภัยในสังสารวัฏ และก่อเกิดบุญกุศลแก่โยมพ่อสุน ผ่องสวัสดิ์ เชิญติดตามอ่านกัน ณ บัดนี้ได้เลยนะคะ
เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องด้วยความรักอันลึกซึ้งของพ่อแม่ที่มีต่อลูก
แสดงออกในรูปของการอบรมสั่งสอนที่มีเทคนิคและวิธิการต่างกันไป พร้อมเกร็ดเล็กๆ
น้อยๆ ในการแก้ปัญหาให้กับลูกซึ่งล้วนแต่เป็นวิธีการ “เลี้ยงลูกให้ถูกธรรม” กล่าวคือ
เลี้ยงลูกให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
ยึดเอาหลักธรรมเป็นเกณฑ์ในการอบรมสั่งสอนลูกให้เป็นคนดี
กว่าจะรู้ว่าพ่อรัก
อย่าอ้างเอ่ยถึงพระคุณของพ่อแม่ที่ได้ถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู
ฟูมฟักปกปักรักษาลูกน้อยมาตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอย จนกระทั่งเติบใหญ่
เพียบพร้อมด้วยความรู้ เป็นเอก ด้วยความประพฤติเปี่ยมล้นด้วยความสามารถ
ได้ดีมีสุขตราบเท่าทุกวันนี้เลย
เพียงพระคุณที่ท่านให้ยืมร่างกายที่ประกอบด้วย
เลือดเนื้อของท่าน เป็นต้นแบบให้เราได้ถือกำเนิดเป็นสัตว์โลก ที่มีชื่อเรียกว่า “คน”
ก็นับว่าเป็นพระคุณสุดที่จะพรรณาได้ เพราะว่าถ้าเราโชคร้าย
ต้องไปเกิดในครรภ์สัตว์โลกชนิดอื่นที่มิใช่คนแล้ว
ถึงแม้จะได้รับการเลี้ยงดูฟูมฟักดีเลิศสักปานใด ก็หาเกิดประโยชน์ไม่
เนื่องจากร่างกายของสัตว์โลกชนิดไหน ๆ
ก็ไม่เหมาะแก่กระทำความดีได้มากเท่ากับร่างกายของสัตว์โลกที่มีชื่อว่า คน
ด้วยเหตุนี้นับแต่โบราณกาลมา บัณฑิตทั้งหลายซึ่งมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน
จึงได้กล่าวสรรเสริญยกย่องบูชาพระคุณพ่อแม่ไว้อย่างมากมาย
เมื่อชีวิตท่านหาไม่แล้ว พระคุณของท่านก็ยิ่งปรากฏ
โดดเด่นขึ้นในความทรงจำของลูก ๆ เพราะความอาลัยรัก หลายคนพยายามเขียนบรรยายคุณงามความดีของท่านไว้อย่างเลิศลอย
เพื่อประกาศให้โลกรู้เป็นการตอบแทนครั้งสุดท้าย แต่สำหรับอาตมาไม่มีคำว่า “ครั้งสุดท้าย”
เพราะอาตมามีมโนปณิธานอย่างแน่วแน่ที่จะตอบแทนพระคุณท่านจนชั่วชีวิตของอาตมาเอง
ด้วยการสืบทอดเจตนารมณ์ของท่าน ถ่ายทอดคำสอนและหลักปฏิบัติในชีวิตของท่านเป็นแบบอย่างแก่คนรุ่นหลังสืบไป
โยมพ่อเป็นปุถุชนคนหนึ่ง
ประวัติของท่านจึงมีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย
สำหรับส่วนเสียจะไม่ขอกล่าวเพราะไม่เกิดประโยชน์อันใด
จะนำเฉพาะส่วนดีของท่านมากล่าวเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีในการเลี้ยงลูกแบบไทยๆ อันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้เป็นพ่อเป็นแม่รุ่นหลังๆ และจะยกมากล่าวเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของอาตมา และพี่ๆ น้องๆ
ที่ได้รับการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอน มาจากโยมพ่อเท่านั้น
โยมพ่อเป็นชาวไร่ธรรมดาๆ
คนหนึ่งไม่ได้วิเศษวิโสกว่าใครๆ ส่วนโยมแม่ทำขนมขาย แม้ฐานะจะไม่ร่ำรวย
แต่ท่านทั้งสองก็สามารถส่งเสียให้ลูกทุกคนได้รับการศึกษาอย่างดี
ที่เป็นเช่นนี้เพราะท่านเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเลี้ยงลูกเป็น คือ เลี้ยงแบบไทยๆ สมัย ปู่ ย่า ตา
ยาย ถ้าดื้อต้องตี แต่ถ้าดีก็ชม
การเลี้ยงลูก
โยมพ่อไม่เคยบอกว่าท่านมีหลักการเลี้ยงลูกอย่างไร
แต่จากการที่อาตมาได้ประสบมาด้วยตนเอง ที่ได้เกิดเป็นลูกของโยมพ่อ
กอปรกับได้ค้นคว้าอ่านตำรับตำรามามาก
จึงพออนุมานได้ว่าในทางปฏิบัติวิธีการเลี้ยงลูกของท่านตรงตามตำราที่มีมาแต่โบราณ กล่าวคือ
1.ทำตัวอย่างดี ๆ
ให้ลูกดู
2.คัดเพื่อนดี ๆ ให้ลูกคบ
3.หาหนังสือดี ๆ
ให้ลูกอ่าน
4.พาลูกไปหาครูบาอาจารย์ดี
ๆ
1.ทำตัวอย่างดี ๆ
ให้ลูกดู
แม้ว่าฐานะทางบ้านจะไม่ร่ำรวย
มีรายได้ไม่มากนักอาศัยว่าท่านทั้งสอง มีความขยันหมั่นเพียร
ตั้งใจช่วยกันทำมาหากิน ตลอดชีวิตที่เติบโตขึ้นมา
อาตมาจึงไม่เคยเห็นท่านเป็นหนี้ใคร แม้รายได้ของครอบครัวจะไม่ดีนักแต่ก็อยู่กันได้
เนื่องจากมีที่มีทางเป็นของตัวเอง ประกอบกับความขยันหมั่นเพียรดังกล่าว
โยมพ่อมีลูกทั้งหมด 4 คน เป็นชาย 2 คน เป็นหญิง 2 คน สำหรับลูกชายคนโตเป็นลูกต่างมารดา ต่อมาเมื่อโยมแม่ใหญ่เสียชีวิตไป
โยมป้าได้รับไปเลี้ยงดู แล้วโยมพ่อก็แต่งงานใหม่กับโยมแม่มีบุตรอีก 3 คน อาตมาเป็นลูกคนสุดท้อง
โยมพ่อเป็นคนซื่อตรงมาก
เกลียดการโหกหลอกลวงเป็นที่สุด ท่านจึงชอบพูดตรงไปตรงมา
จนบางครั้งกลายเป็นคนขวานผ่าซาก และการเป็นคนขวานผ่าซากของท่านนี่เอง
เมื่อท่านเข้าไปอยู่ในกลุ่มของผู้มีเหลี่ยมมีคู
จึงสามารถทำให้วงแตกได้ภายในเวลาไม่ถึง 5
นาที เพราะไม่ว่าท่านจะพูดอะไร
ก็เอาความจริงเข้าว่าด้วยเหตุนี้แม้พวกเขาเหล่านั้นจะไม่รัก
แต่ก็ไม่มีใครเกลียดโยมพ่อ
การไม่เล่นการพนันเป็นสิ่งที่อาตมาได้มาจากโยมพ่อ
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อตอนอาตมาเป็นเด็กเคยเห็นบรรดา ลุง ป้า น้า อา กำลังเล่นไพ่กัน
อาตมาได้กล่าวตำหนิออกไปว่า
“เสียเวลา เล่นกันเอง โกงกันเอง
กินกันเอง ไม่เห็นเข้าท่า”
กลับถูกย้อนว่า
“อย่ามาพูดดี พ่อเอ็งนั่นแหละตัวเล่น”
อาตมาเถียงว่า พ่อไม่เล่น
จึงถูกท้าทายว่า
“ไม่เชื่อก็ลองไปถามพ่อเอ็งดู”
วันหนึ่งประสบโอกาส
อาตมาจึงถามโยมพ่อถึงเรื่องนี้ ซึ่งโยมพ่อก็รับว่าเป็นความจริง
และเล่าว่าท่านชอบเล่นไพ่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฝีมือระดับเซียนทีเดียว
จะว่าเล่นเป็นอาชีพก็ได้ เพราะแต่ก่อนที่บ้านเป็นบ่อนการพนันใหญ่ที่สุดของจังหวัด
เมื่อลูกคนโตเกิด ท่านจึงปิดบ่อนและเลิก เล่นการพนันเด็ดขาด เพราะเกรงว่าลูก ๆ
จะเห็นตัวอย่างที่ไม่ดีและติดนิสัยไป ท่านมักเน้นว่า
“ที่พ่อทำตัวอย่างดี ๆ
ให้ลูกดูก็หวังว่าลูก ๆ ทุกคน จะต้องไม่เป็นนักการพนัน” และก็นับว่าเป็นบุญของโยมพ่อ ที่ปรากฏต่อมาว่าลูก ๆ
ทุกคนไม่มีใครเล่นการพนันเป็นกันเลย
โยมพ่อเล่าต่อไปว่า
ท่านเคยเป็นนักต้มเหล้าเถื่อนมาก่อน ครั้นมีลูก ก็เลิกได้เด็ดขาดเช่นกัน
อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าโอ่ง ไห ที่ใช้ในการต้มเหล้า ท่านทุบทิ้งหมด
จึงไม่มีลูกคนไหนเคยเห็นโยมพ่อต้มเหล้า
อย่างไรก็ตามเพราะกรรมที่ท่านเคยต้มเหล้าขายนั่นเอง
แม้จะเลิกต้มเหล้า แต่ท่านก็ยังเลิกดื่มเหล้าไม่ได้เด็ดขาด กว่าจะเลิกได้เด็ดขาด
ท่านก็มีอายุปาเข้าไป 80 ปีแล้ว
จึงเป็นผลทำใหท่านไม่สามามารถฝึกสมาธิได้ดีเท่าที่ควร
เป็นกรรมที่มาตัดรอนอย่างน่าเสียดาย
จึงขอฝากบรรดาคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายว่า
ไม่ว่าท่านจะทำกรรมอันใดไว้ ย่อมหนีกรรมนั้นไม่พ้น ทำดีต้องได้ผลดีจริงและทำชั่วก็ต้องได้ผลชั่วจริง
เพียงแต่ผลจะออกมาให้เห็นเร็วหรือช้าเท่านั้น
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากได้ลูกดีอย่างไร
ก็พึงทำอย่างนั้น สำหรับส่วนที่ไม่ดี แม้จะชอบจะรักเพราะสนุกแค่ไหน เพียงใด
ก็ขอให้เลิกเสีย ตัดใจเสีย ถือเสียว่ายกให้เป็นของขวัญแก่ลูกก็แล้วกัน
2.คัดเพื่อนดี ๆ
ให้ลูกคบ
ไม่มีพ่อคนไหนสอนลูกให้ดื่มเหล้า
ไม่มีแม่คนไหนสอนลูกให้ด่า
ไม่มีพ่อแม่คนไหนสอนลูกให้เล่นการพนัน
ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้สอนนี่แหละ
ลูกบางคนโตขึ้น เหล้าก็ดื่ม ด่าก็เก่ง ถ้าถามว่านิสัยไม่ดีเหล่านี้ได้มาจากไหน
ตอบได้ทันทีว่ามาจาก “เพื่อน”
เพราะฉะนั้น
มีวิธีเดียวที่จะประคับประคองให้ลูกมีนิสัยดี ๆ อย่างที่พ่อแม่สอน
และไม่เอานิสัยเลว ๆ มาจากเพื่อนก็คือ พ่อแม่ต้องคัดเพื่อนดี ๆ ให้ลูกคบ ซึ่งเรื่องนี้เมื่อบวชแล้ว
อาตมาจึงมองย้อนไป ได้เข้าใจและดูออกว่า โยมพ่อกระทำอย่างเคร่งครัด
วิธีคัดเพื่อนให้ลูกคบของโยมพ่อ
ซึ่งอาตมาจำได้ดีคือ
เมื่อสมัยเป็นนักเรียน
โยมพ่อจะอนุญาตให้พาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวที่บ้าน ซึ่งเป็นสวนผลไม้ มีทั้งขนุน ฝรั่ง
กล้วย อ้อย ฯลฯ ให้เก็บกินได้ตามใจชอบ แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นเพื่อนที่สนิท ๆ
กันเท่านั้น
อาตมามักพาเพื่อน ๆ มาที่บ้านคราวละ 7 คนบ้าง 10 คนบ้าง ปรากฏว่า
เมื่อเพื่อนกลับกันหมดแล้ว โยมพ่อจะเรียกอาตมามาสั่งว่า คนนั้น คนนี้
มีนิสัยไม่ดี โกหกเก่ง ด่าเก่ง ชอบหนีโรงเรียน ห้ามชวนมาอีก มิฉะนั้นจะถูกตีให้เลิกคบเสีย
ท่านยังกำชับด้วยว่า นอกจากไม่ให้พามาบ้านแล้ว แม้ที่โรงเรียน
ก็ห้ามเล่นกับเขาด้วย ส่วนคนนั้น ๆ นิสัยดี เรียบร้อย เคารพพ่อแม่
ท่านสั่งให้พามาอีก ซึ่งขณะนั้นอาตมาก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมท่านจึงรู้หมดว่า
คนนั้นเลวอย่างนั้น ๆ คนนี้ดีอย่างนี้ ๆ ได้แต่แปลกใจ
เพื่อนที่โยมพ่อสั่งไม่ให้คบ
ล้วนเป็นเพื่อนที่แสนสนิท แต่ก็ต้องเชื่อโยมพ่อ เพราะกลัวถูกตี
ซึ่งปรากฎต่อมาในภายหลังว่าบรรดาเพื่อนที่ท่านสั่งห้ามคบนั้น เป็นคนไม่ดีเอาจริง ๆ
ติดคุกติดตะรางทั้งนั้น
มีบ่อยครั้งที่หลังจากเพื่อน ๆ
กลับไปแล้ว อาตมาถูกโยมพ่อตี เพราะหนีโรงเรียนบ้าง ไม่ทำการบ้านบ้าง ฯลฯ
เรื่องเหล่านี้อาตมาปกปิดท่าน แต่เหตุใดท่านจึงรู้ อาตมารู้สึกว่า
โยมพ่อเป็นผู้วิเศษรู้ไปเสียหมด ภายหลังจึงรู้ว่า ในขณะที่อาตมากับเพื่อน ๆ
ปีนต้นไม้ และส่งเสียงตะโกนคุยกัน เป็นเหตุให้โยมพ่อล่วงรู้ความลับทั้งหมด
ส่วนโยมแม่ก็เช่นกัน
เวลาอาตมาพาเพื่อน ๆ ไปบ้านท่านจะเรียกเพื่อน ๆ ไปช่วยทำขนม
สำหรับอาตมาท่านไล่ให้ไปผ่าฟืนอยู่ห่าง ๆ เมื่ออาตมาคุยกับเพื่อน ๆ ไม่คิดว่าโยมแม่จะได้ยินแต่ท่านก็ได้ยิน
ความลับที่อาตมาทำไว้ที่โรงเรียน ท่านเลยทราบหมด
บางครั้งมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียน
เจ็บตัวกลับมามากบ้างน้อยบ้าง เวลารายงานทางบ้าน มักอ้างคนนั้นคนนี้ผิดอยู่เรื่อยไป
แม้อาตมาเองเป็นฝ่ายผิดก็ต้องบอกว่า คนอื่นผิด แต่โยมพ่อไม่หูเบา
ท่านจะรีบไปซักถามความจริงจากเพื่อนสนิทของอาตมาพอได้ความจริง
ถ้าปรากฎว่าอาตมาเป็นผู้ก่อเหตุ ท่านกลับถึงบ้านอาตมาจะถูกตีซ้ำ
ท่านมีวิธีเอาใจใส่ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด
ด้วยวิธีตรวจสอบจากเพื่อนสนิทของอาตมา
และท่านได้เอาใจใส่อย่างดีเช่นนี้จนอาตมาเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 6 เพราะหลังจากนั้น อาตมาได้เข้าศึกษาต่อในกรุงเทพฯ จึงห่างท่านโดยปริยาย
3.หาหนังสือดี ๆ
ให้ลูกอ่าน
เด็ก ๆ จะไม่รู้ว่า อะไรดี อะไรชั่ว
ได้แต่ดูแบบอย่างรอบ ๆ ตัวจากพ่อแม่ เพื่อนฝูง และหนังสือ เห็นแบบอย่างไหนก่อน
ก็จะยึดเป็นมาตรฐาน ถ้าแบบนั้นเป็นแบบดี ๆ ก็รอดตัว
หนังสือก็เป็นแบบอันหนึ่งที่สำคัญมากต่อเด็ก
พ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกดีต้องหาหนังสือดี ๆ ให้ลูกอ่าน
หนังสือเล่มแรกที่อาตมาได้อ่าน คือ รามเกียรติ์
อ่านจบตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป.3-ป.4 อุบายที่โยมพ่อฝึกให้ลูกอ่านหนังสือดี ๆ คือ
พอทำการเสร็จ อาตมาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเล่นกับเพื่อน ๆ
ต้องอ่านหนังสือให้โยมพ่อฟัง ท่านอุตส่าห์หาหนังสือดี ๆ เช่น พระราชนิพนธ์
วรรณคดีต่าง ๆ มาให้อ่าน หากขี้เกียจอ่าน ท่านมีวิธีทั้งปะเหลาะ ทั้งขู่ว่าต้องอ่าน
เช่น พอท่านบอกว่าอ่านหนังสือให้พ่อฟังที อาตมาจะเกี่ยงว่า
“พ่อก็อ่านเองได้นี่” ท่านก็จะตอบว่า
“พ่อแก่แล้ว ตาไม่ดี”
บางทีวันต่อมา
ท่านก็ให้อ่านซ้ำที่เคยอ่านมาแล้ว ครั้นอาตมาทักท้วง ท่านก็แก้ว่า
“คนแก่ จำไม่ค่อยได้ ไม่เหมือนเด็กๆ”
เจอแบบนี้เข้าบ่อย ๆ
อาตมาจึงต้องจำใจอ่าน บ่อยครั้งเข้าก็จดจำได้อย่างแม่นยำ
จากการที่ถูกฝึกให้อ่านออกเสียงให้โยมพ่อฟังเป็นประจำดังกล่าว
ทำให้อาตมามีนิสัยรักการอ่าน จำได้ว่าหนังสือในห้องสมุดประชาชนประจำจังหวัด
ซึ่งมีหนังสือไม่น้อยกว่าพันเล่ม อาตมาอ่านจนหมด และยังช่วยให้สามารถพูดได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
ไม่ว่าจะเป็นคำควบกล้ำตัว ร ตัว ล หรือแม้แต่จังหวะจะโคน
เป็นผลให้เมื่อมีการประกวด การอ่าน เล่านิทาน หรือเขียนเรียงความในชั้นเรียน
อาตมาจึงได้รับรางวัลหรือได้คะแนนดีเสมอ ๆ
4.พาลูกไปหาครูบาอาจารย์ดี
ๆ
เนื่องจากอาตมาเกิดในชนบท ครูบาอาจารย์ทางโลกที่ดี
ๆ ก็มีแต่ครูในโรงเรียนประจำจังหวัด ครูคนไหนที่มีนิสัยดี อัธยาศัยดี
โยมพ่อก็จะไปมาหาสู่ ชวนมาบ้านทำให้อาตมาได้ยินได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ดี ๆ
โยมพ่อจะตีสนิทกับครูของลูก ๆ ทุกคน
ดังนั้นบางวันอาตมาหนีเรียนไปเที่ยว
ถูกครูตีที่โรงเรียนแล้ว พอกลับมาถึงบ้านก็พบครูคนนั้นนั่งคุยกับโยมพ่อ
เลยถูกโยมพ่อตีซ้ำให้อีก
สำหรับครูทางธรรมนั้น เมื่อวัยเด็ก
ก็คุ้นกับวัดพอสมควรเพราะหลวงน้าของโยมพ่อเป็นเจ้าอาวาส และโยมพ่อพาไปวัดอยู่เสมอ
อาตมาจึงได้รู้ได้เห็นสิ่งที่เป็นแบบแผนที่ดีมาตั้งแต่เล็ก
จากพื้นฐานดังกล่าวนี้ ทำให้ลูก ๆ
ทุกคนได้รับถ่ายทอดนิสัยที่ดีมาจากท่าน คือ เป็นคนที่ใจคอกว้างขวาง
พูดจริงทำจริงเป็นที่นิยมชมชอบของหมู่คณะ
และเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของผู้หลักผู้ใหญ่
พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อทัตตชีโว
จากหนังสือกว่าจะรู้ว่าพ่อรัก
จากหนังสือกว่าจะรู้ว่าพ่อรัก
ท้ายที่สุดนี้ขอเรียนเชิญยอดกัลยาณมิตรลูกศิษย์วัดพระธรรมกายทุกท่าน ได้ออกไปทำหน้าที่กัลยาณมิตรเชิญชวนชายแมนแมนผู้มีบุญ มาบวชเพื่อบูชาธรรมหลวงพ่อทัตตชีโวในวาระวันคล้ายวันเกิดท่าน
21 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ครบ 79 ปีกันนะคะ
ซึ่งกำหนดการด้านล่างนี้ เป็นวันเข้าวัดจนถึงวันสิ้นสุดโครงการ
21 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ครบ 79 ปีกันนะคะ
ซึ่งกำหนดการด้านล่างนี้ เป็นวันเข้าวัดจนถึงวันสิ้นสุดโครงการ
กำหนดการพิธีอุปสมบทบูชาธรรม 79 ปีหลวงพ่อทัตตชีโว
ศิษย์ดีต้องมีความกตัญญู
ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี
ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี
กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง :
กราบแทบเท้ากราบอนุโมทนาบุญต่อโยมพ่อสุน ผ่องสวัสดิ์มาด้วยความเคารพอย่างสูง และขอน้อมนำบุญอุทิศให้ท่านมีความสุขในสัมปรายภพยิ่งๆขึ้นไป สาธุค่ะ
ตอบลบสาธุๆ สาธุครับ
ตอบลบน้อมกราบนมัสการหลวงพ่อทัตตชีโว
(คุณครูไม่เล็ก) ด้วยความเคารพยิ่ง
สาธุ สาธุ สาธุ
ตอบลบ