วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

กว่าจะรู้ว่าพ่อรัก





พระธรรมเทศนาเรื่อง “กว่าจะรู้ว่าพ่อรัก”  นี้ปรารถนาให้ทุกท่านที่ได้มีโอกาสได้เข้ามาศึกษา ได้ใช้ไปเป็นแนวทางในการอบรมบ่มเพาะบุตรหลานของแต่ละท่าน ให้เป็นคนเก่งและดีเป็นคนดีที่โลกต้องการ ดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุขและปลอดภัยในสังสารวัฏ และก่อเกิดบุญกุศลแก่โยมพ่อสุน ผ่องสวัสดิ์ เชิญติดตามอ่านกัน ณ บัดนี้ได้เลยนะคะ

เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องด้วยความรักอันลึกซึ้งของพ่อแม่ที่มีต่อลูก แสดงออกในรูปของการอบรมสั่งสอนที่มีเทคนิคและวิธิการต่างกันไป พร้อมเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ในการแก้ปัญหาให้กับลูกซึ่งล้วนแต่เป็นวิธีการ “เลี้ยงลูกให้ถูกธรรม” กล่าวคือ เลี้ยงลูกให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ยึดเอาหลักธรรมเป็นเกณฑ์ในการอบรมสั่งสอนลูกให้เป็นคนดี
  

กว่าจะรู้ว่าพ่อรัก

อย่าอ้างเอ่ยถึงพระคุณของพ่อแม่ที่ได้ถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู ฟูมฟักปกปักรักษาลูกน้อยมาตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอย จนกระทั่งเติบใหญ่ เพียบพร้อมด้วยความรู้ เป็นเอก ด้วยความประพฤติเปี่ยมล้นด้วยความสามารถ ได้ดีมีสุขตราบเท่าทุกวันนี้เลย

เพียงพระคุณที่ท่านให้ยืมร่างกายที่ประกอบด้วย เลือดเนื้อของท่าน เป็นต้นแบบให้เราได้ถือกำเนิดเป็นสัตว์โลก ที่มีชื่อเรียกว่า “คน” ก็นับว่าเป็นพระคุณสุดที่จะพรรณาได้ เพราะว่าถ้าเราโชคร้าย ต้องไปเกิดในครรภ์สัตว์โลกชนิดอื่นที่มิใช่คนแล้ว ถึงแม้จะได้รับการเลี้ยงดูฟูมฟักดีเลิศสักปานใด ก็หาเกิดประโยชน์ไม่

เนื่องจากร่างกายของสัตว์โลกชนิดไหน ๆ ก็ไม่เหมาะแก่กระทำความดีได้มากเท่ากับร่างกายของสัตว์โลกที่มีชื่อว่า คน ด้วยเหตุนี้นับแต่โบราณกาลมา บัณฑิตทั้งหลายซึ่งมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน จึงได้กล่าวสรรเสริญยกย่องบูชาพระคุณพ่อแม่ไว้อย่างมากมาย

เมื่อชีวิตท่านหาไม่แล้ว พระคุณของท่านก็ยิ่งปรากฏ โดดเด่นขึ้นในความทรงจำของลูก ๆ เพราะความอาลัยรัก หลายคนพยายามเขียนบรรยายคุณงามความดีของท่านไว้อย่างเลิศลอย เพื่อประกาศให้โลกรู้เป็นการตอบแทนครั้งสุดท้าย แต่สำหรับอาตมาไม่มีคำว่าครั้งสุดท้าย เพราะอาตมามีมโนปณิธานอย่างแน่วแน่ที่จะตอบแทนพระคุณท่านจนชั่วชีวิตของอาตมาเอง ด้วยการสืบทอดเจตนารมณ์ของท่าน ถ่ายทอดคำสอนและหลักปฏิบัติในชีวิตของท่านเป็นแบบอย่างแก่คนรุ่นหลังสืบไป

โยมพ่อเป็นปุถุชนคนหนึ่ง ประวัติของท่านจึงมีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย สำหรับส่วนเสียจะไม่ขอกล่าวเพราะไม่เกิดประโยชน์อันใด จะนำเฉพาะส่วนดีของท่านมากล่าวเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีในการเลี้ยงลูกแบบไทยๆ อันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้เป็นพ่อเป็นแม่รุ่นหลังๆ และจะยกมากล่าวเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของอาตมา และพี่ๆ น้องๆ ที่ได้รับการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอน มาจากโยมพ่อเท่านั้น

โยมพ่อเป็นชาวไร่ธรรมดาๆ คนหนึ่งไม่ได้วิเศษวิโสกว่าใครๆ ส่วนโยมแม่ทำขนมขาย แม้ฐานะจะไม่ร่ำรวย แต่ท่านทั้งสองก็สามารถส่งเสียให้ลูกทุกคนได้รับการศึกษาอย่างดี ที่เป็นเช่นนี้เพราะท่านเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านเลี้ยงลูกเป็น คือ เลี้ยงแบบไทยๆ สมัย ปู่ ย่า ตา ยาย ถ้าดื้อต้องตี แต่ถ้าดีก็ชม


การเลี้ยงลูก

โยมพ่อไม่เคยบอกว่าท่านมีหลักการเลี้ยงลูกอย่างไร แต่จากการที่อาตมาได้ประสบมาด้วยตนเอง ที่ได้เกิดเป็นลูกของโยมพ่อ กอปรกับได้ค้นคว้าอ่านตำรับตำรามามาก จึงพออนุมานได้ว่าในทางปฏิบัติวิธีการเลี้ยงลูกของท่านตรงตามตำราที่มีมาแต่โบราณ กล่าวคือ
1.ทำตัวอย่างดี ๆ ให้ลูกดู
2.คัดเพื่อนดี ๆ ให้ลูกคบ
3.หาหนังสือดี ๆ ให้ลูกอ่าน
4.พาลูกไปหาครูบาอาจารย์ดี ๆ

1.ทำตัวอย่างดี ๆ ให้ลูกดู

แม้ว่าฐานะทางบ้านจะไม่ร่ำรวย มีรายได้ไม่มากนักอาศัยว่าท่านทั้งสอง มีความขยันหมั่นเพียร ตั้งใจช่วยกันทำมาหากิน ตลอดชีวิตที่เติบโตขึ้นมา อาตมาจึงไม่เคยเห็นท่านเป็นหนี้ใคร แม้รายได้ของครอบครัวจะไม่ดีนักแต่ก็อยู่กันได้ เนื่องจากมีที่มีทางเป็นของตัวเอง ประกอบกับความขยันหมั่นเพียรดังกล่าว

โยมพ่อมีลูกทั้งหมด 4 คน เป็นชาย 2 คน เป็นหญิง 2 คน สำหรับลูกชายคนโตเป็นลูกต่างมารดา ต่อมาเมื่อโยมแม่ใหญ่เสียชีวิตไป โยมป้าได้รับไปเลี้ยงดู แล้วโยมพ่อก็แต่งงานใหม่กับโยมแม่มีบุตรอีก 3 คน อาตมาเป็นลูกคนสุดท้อง

โยมพ่อเป็นคนซื่อตรงมาก เกลียดการโหกหลอกลวงเป็นที่สุด ท่านจึงชอบพูดตรงไปตรงมา จนบางครั้งกลายเป็นคนขวานผ่าซาก และการเป็นคนขวานผ่าซากของท่านนี่เอง เมื่อท่านเข้าไปอยู่ในกลุ่มของผู้มีเหลี่ยมมีคู จึงสามารถทำให้วงแตกได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที เพราะไม่ว่าท่านจะพูดอะไร ก็เอาความจริงเข้าว่าด้วยเหตุนี้แม้พวกเขาเหล่านั้นจะไม่รัก แต่ก็ไม่มีใครเกลียดโยมพ่อ

การไม่เล่นการพนันเป็นสิ่งที่อาตมาได้มาจากโยมพ่อ เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อตอนอาตมาเป็นเด็กเคยเห็นบรรดา ลุง ป้า น้า อา กำลังเล่นไพ่กัน อาตมาได้กล่าวตำหนิออกไปว่า

“เสียเวลา เล่นกันเอง โกงกันเอง กินกันเอง ไม่เห็นเข้าท่า”
กลับถูกย้อนว่า
“อย่ามาพูดดี พ่อเอ็งนั่นแหละตัวเล่น”
อาตมาเถียงว่า พ่อไม่เล่น จึงถูกท้าทายว่า
“ไม่เชื่อก็ลองไปถามพ่อเอ็งดู”

วันหนึ่งประสบโอกาส อาตมาจึงถามโยมพ่อถึงเรื่องนี้ ซึ่งโยมพ่อก็รับว่าเป็นความจริง และเล่าว่าท่านชอบเล่นไพ่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฝีมือระดับเซียนทีเดียว จะว่าเล่นเป็นอาชีพก็ได้ เพราะแต่ก่อนที่บ้านเป็นบ่อนการพนันใหญ่ที่สุดของจังหวัด เมื่อลูกคนโตเกิด ท่านจึงปิดบ่อนและเลิก เล่นการพนันเด็ดขาด เพราะเกรงว่าลูก ๆ จะเห็นตัวอย่างที่ไม่ดีและติดนิสัยไป ท่านมักเน้นว่า

“ที่พ่อทำตัวอย่างดี ๆ ให้ลูกดูก็หวังว่าลูก ๆ ทุกคน จะต้องไม่เป็นนักการพนัน” และก็นับว่าเป็นบุญของโยมพ่อ ที่ปรากฏต่อมาว่าลูก ๆ ทุกคนไม่มีใครเล่นการพนันเป็นกันเลย

โยมพ่อเล่าต่อไปว่า ท่านเคยเป็นนักต้มเหล้าเถื่อนมาก่อน ครั้นมีลูก ก็เลิกได้เด็ดขาดเช่นกัน อุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าโอ่ง ไห ที่ใช้ในการต้มเหล้า ท่านทุบทิ้งหมด จึงไม่มีลูกคนไหนเคยเห็นโยมพ่อต้มเหล้า

อย่างไรก็ตามเพราะกรรมที่ท่านเคยต้มเหล้าขายนั่นเอง แม้จะเลิกต้มเหล้า แต่ท่านก็ยังเลิกดื่มเหล้าไม่ได้เด็ดขาด กว่าจะเลิกได้เด็ดขาด ท่านก็มีอายุปาเข้าไป 80 ปีแล้ว จึงเป็นผลทำใหท่านไม่สามามารถฝึกสมาธิได้ดีเท่าที่ควร เป็นกรรมที่มาตัดรอนอย่างน่าเสียดาย

จึงขอฝากบรรดาคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายว่า ไม่ว่าท่านจะทำกรรมอันใดไว้ ย่อมหนีกรรมนั้นไม่พ้น ทำดีต้องได้ผลดีจริงและทำชั่วก็ต้องได้ผลชั่วจริง เพียงแต่ผลจะออกมาให้เห็นเร็วหรือช้าเท่านั้น


เพราะฉะนั้น ถ้าอยากได้ลูกดีอย่างไร ก็พึงทำอย่างนั้น สำหรับส่วนที่ไม่ดี แม้จะชอบจะรักเพราะสนุกแค่ไหน เพียงใด ก็ขอให้เลิกเสีย ตัดใจเสีย ถือเสียว่ายกให้เป็นของขวัญแก่ลูกก็แล้วกัน  

2.คัดเพื่อนดี ๆ ให้ลูกคบ

ไม่มีพ่อคนไหนสอนลูกให้ดื่มเหล้า
ไม่มีแม่คนไหนสอนลูกให้ด่า
ไม่มีพ่อแม่คนไหนสอนลูกให้เล่นการพนัน

ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้สอนนี่แหละ ลูกบางคนโตขึ้น เหล้าก็ดื่ม ด่าก็เก่ง ถ้าถามว่านิสัยไม่ดีเหล่านี้ได้มาจากไหน ตอบได้ทันทีว่ามาจาก “เพื่อน”

เพราะฉะนั้น มีวิธีเดียวที่จะประคับประคองให้ลูกมีนิสัยดี ๆ อย่างที่พ่อแม่สอน และไม่เอานิสัยเลว ๆ มาจากเพื่อนก็คือ พ่อแม่ต้องคัดเพื่อนดี ๆ ให้ลูกคบ ซึ่งเรื่องนี้เมื่อบวชแล้ว อาตมาจึงมองย้อนไป ได้เข้าใจและดูออกว่า โยมพ่อกระทำอย่างเคร่งครัด


วิธีคัดเพื่อนให้ลูกคบของโยมพ่อ ซึ่งอาตมาจำได้ดีคือ

เมื่อสมัยเป็นนักเรียน โยมพ่อจะอนุญาตให้พาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวที่บ้าน ซึ่งเป็นสวนผลไม้ มีทั้งขนุน ฝรั่ง กล้วย อ้อย ฯลฯ ให้เก็บกินได้ตามใจชอบ แต่มีข้อแม้ว่าต้องเป็นเพื่อนที่สนิท ๆ กันเท่านั้น

อาตมามักพาเพื่อน ๆ มาที่บ้านคราวละ 7 คนบ้าง 10 คนบ้าง ปรากฏว่า เมื่อเพื่อนกลับกันหมดแล้ว โยมพ่อจะเรียกอาตมามาสั่งว่า คนนั้น คนนี้ มีนิสัยไม่ดี โกหกเก่ง ด่าเก่ง ชอบหนีโรงเรียน ห้ามชวนมาอีก มิฉะนั้นจะถูกตีให้เลิกคบเสีย ท่านยังกำชับด้วยว่า นอกจากไม่ให้พามาบ้านแล้ว แม้ที่โรงเรียน ก็ห้ามเล่นกับเขาด้วย ส่วนคนนั้น ๆ นิสัยดี เรียบร้อย เคารพพ่อแม่ ท่านสั่งให้พามาอีก ซึ่งขณะนั้นอาตมาก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมท่านจึงรู้หมดว่า คนนั้นเลวอย่างนั้น ๆ คนนี้ดีอย่างนี้ ๆ ได้แต่แปลกใจ

เพื่อนที่โยมพ่อสั่งไม่ให้คบ ล้วนเป็นเพื่อนที่แสนสนิท แต่ก็ต้องเชื่อโยมพ่อ เพราะกลัวถูกตี ซึ่งปรากฎต่อมาในภายหลังว่าบรรดาเพื่อนที่ท่านสั่งห้ามคบนั้น เป็นคนไม่ดีเอาจริง ๆ ติดคุกติดตะรางทั้งนั้น

มีบ่อยครั้งที่หลังจากเพื่อน ๆ กลับไปแล้ว อาตมาถูกโยมพ่อตี เพราะหนีโรงเรียนบ้าง ไม่ทำการบ้านบ้าง ฯลฯ เรื่องเหล่านี้อาตมาปกปิดท่าน แต่เหตุใดท่านจึงรู้ อาตมารู้สึกว่า โยมพ่อเป็นผู้วิเศษรู้ไปเสียหมด ภายหลังจึงรู้ว่า ในขณะที่อาตมากับเพื่อน ๆ ปีนต้นไม้ และส่งเสียงตะโกนคุยกัน เป็นเหตุให้โยมพ่อล่วงรู้ความลับทั้งหมด

ส่วนโยมแม่ก็เช่นกัน เวลาอาตมาพาเพื่อน ๆ ไปบ้านท่านจะเรียกเพื่อน ๆ ไปช่วยทำขนม สำหรับอาตมาท่านไล่ให้ไปผ่าฟืนอยู่ห่าง ๆ เมื่ออาตมาคุยกับเพื่อน ๆ ไม่คิดว่าโยมแม่จะได้ยินแต่ท่านก็ได้ยิน ความลับที่อาตมาทำไว้ที่โรงเรียน ท่านเลยทราบหมด

บางครั้งมีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียน เจ็บตัวกลับมามากบ้างน้อยบ้าง เวลารายงานทางบ้าน มักอ้างคนนั้นคนนี้ผิดอยู่เรื่อยไป แม้อาตมาเองเป็นฝ่ายผิดก็ต้องบอกว่า คนอื่นผิด แต่โยมพ่อไม่หูเบา ท่านจะรีบไปซักถามความจริงจากเพื่อนสนิทของอาตมาพอได้ความจริง ถ้าปรากฎว่าอาตมาเป็นผู้ก่อเหตุ ท่านกลับถึงบ้านอาตมาจะถูกตีซ้ำ

ท่านมีวิธีเอาใจใส่ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด ด้วยวิธีตรวจสอบจากเพื่อนสนิทของอาตมา และท่านได้เอาใจใส่อย่างดีเช่นนี้จนอาตมาเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ 6 เพราะหลังจากนั้น อาตมาได้เข้าศึกษาต่อในกรุงเทพฯ จึงห่างท่านโดยปริยาย  

3.หาหนังสือดี ๆ ให้ลูกอ่าน

เด็ก ๆ จะไม่รู้ว่า อะไรดี อะไรชั่ว ได้แต่ดูแบบอย่างรอบ ๆ ตัวจากพ่อแม่ เพื่อนฝูง และหนังสือ เห็นแบบอย่างไหนก่อน ก็จะยึดเป็นมาตรฐาน ถ้าแบบนั้นเป็นแบบดี ๆ ก็รอดตัว หนังสือก็เป็นแบบอันหนึ่งที่สำคัญมากต่อเด็ก พ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกดีต้องหาหนังสือดี ๆ ให้ลูกอ่าน


หนังสือเล่มแรกที่อาตมาได้อ่าน คือ รามเกียรติ์ อ่านจบตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ป.3-ป.4 อุบายที่โยมพ่อฝึกให้ลูกอ่านหนังสือดี ๆ คือ พอทำการเสร็จ อาตมาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเล่นกับเพื่อน ๆ ต้องอ่านหนังสือให้โยมพ่อฟัง ท่านอุตส่าห์หาหนังสือดี ๆ เช่น พระราชนิพนธ์ วรรณคดีต่าง ๆ มาให้อ่าน หากขี้เกียจอ่าน ท่านมีวิธีทั้งปะเหลาะ ทั้งขู่ว่าต้องอ่าน เช่น พอท่านบอกว่าอ่านหนังสือให้พ่อฟังที อาตมาจะเกี่ยงว่า
“พ่อก็อ่านเองได้นี่” ท่านก็จะตอบว่า
“พ่อแก่แล้ว ตาไม่ดี”
บางทีวันต่อมา ท่านก็ให้อ่านซ้ำที่เคยอ่านมาแล้ว ครั้นอาตมาทักท้วง ท่านก็แก้ว่า
“คนแก่ จำไม่ค่อยได้ ไม่เหมือนเด็กๆ”
เจอแบบนี้เข้าบ่อย ๆ อาตมาจึงต้องจำใจอ่าน บ่อยครั้งเข้าก็จดจำได้อย่างแม่นยำ

จากการที่ถูกฝึกให้อ่านออกเสียงให้โยมพ่อฟังเป็นประจำดังกล่าว ทำให้อาตมามีนิสัยรักการอ่าน จำได้ว่าหนังสือในห้องสมุดประชาชนประจำจังหวัด ซึ่งมีหนังสือไม่น้อยกว่าพันเล่ม อาตมาอ่านจนหมด และยังช่วยให้สามารถพูดได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ ไม่ว่าจะเป็นคำควบกล้ำตัว ร ตัว ล หรือแม้แต่จังหวะจะโคน เป็นผลให้เมื่อมีการประกวด การอ่าน เล่านิทาน หรือเขียนเรียงความในชั้นเรียน อาตมาจึงได้รับรางวัลหรือได้คะแนนดีเสมอ ๆ

4.พาลูกไปหาครูบาอาจารย์ดี ๆ

เนื่องจากอาตมาเกิดในชนบท ครูบาอาจารย์ทางโลกที่ดี ๆ ก็มีแต่ครูในโรงเรียนประจำจังหวัด ครูคนไหนที่มีนิสัยดี อัธยาศัยดี โยมพ่อก็จะไปมาหาสู่ ชวนมาบ้านทำให้อาตมาได้ยินได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ดี ๆ โยมพ่อจะตีสนิทกับครูของลูก ๆ ทุกคน


ดังนั้นบางวันอาตมาหนีเรียนไปเที่ยว ถูกครูตีที่โรงเรียนแล้ว พอกลับมาถึงบ้านก็พบครูคนนั้นนั่งคุยกับโยมพ่อ เลยถูกโยมพ่อตีซ้ำให้อีก

สำหรับครูทางธรรมนั้น เมื่อวัยเด็ก ก็คุ้นกับวัดพอสมควรเพราะหลวงน้าของโยมพ่อเป็นเจ้าอาวาส และโยมพ่อพาไปวัดอยู่เสมอ อาตมาจึงได้รู้ได้เห็นสิ่งที่เป็นแบบแผนที่ดีมาตั้งแต่เล็ก

จากพื้นฐานดังกล่าวนี้ ทำให้ลูก ๆ ทุกคนได้รับถ่ายทอดนิสัยที่ดีมาจากท่าน คือ เป็นคนที่ใจคอกว้างขวาง พูดจริงทำจริงเป็นที่นิยมชมชอบของหมู่คณะ และเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของผู้หลักผู้ใหญ่



พระธรรมเทศนา โดย หลวงพ่อทัตตชีโว 
จากหนังสือกว่าจะรู้ว่าพ่อรัก


ท้ายที่สุดนี้ขอเรียนเชิญยอดกัลยาณมิตรลูกศิษย์วัดพระธรรมกายทุกท่าน ได้ออกไปทำหน้าที่กัลยาณมิตรเชิญชวนชายแมนแมนผู้มีบุญ มาบวชเพื่อบูชาธรรมหลวงพ่อทัตตชีโวในวาระวันคล้ายวันเกิดท่าน
21 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ครบ 79 ปีกันนะคะ
ซึ่งกำหนดการด้านล่างนี้ เป็นวันเข้าวัดจนถึงวันสิ้นสุดโครงการ

กำหนดการพิธีอุปสมบทบูชาธรรม 79 ปีหลวงพ่อทัตตชีโว

ศิษย์ดีต้องมีความกตัญญู 
ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี


กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง :

3 ความคิดเห็น:

  1. กราบแทบเท้ากราบอนุโมทนาบุญต่อโยมพ่อสุน ผ่องสวัสดิ์มาด้วยความเคารพอย่างสูง และขอน้อมนำบุญอุทิศให้ท่านมีความสุขในสัมปรายภพยิ่งๆขึ้นไป สาธุค่ะ

    ตอบลบ
  2. สาธุๆ สาธุครับ
    น้อมกราบนมัสการหลวงพ่อทัตตชีโว
    (คุณครูไม่เล็ก) ด้วยความเคารพยิ่ง

    ตอบลบ