การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นของยาก ต้องอาศัยกำลังความเพียรในการสั่งสมความดีอย่างยิ่งยวด พระพุทธองค์ทรงอุปมาความยากในการเกิดเป็นมนุษย์ไว้ว่า “ในท้องทะเลกว้างใหญ่สุดจะประมาณ มีเต่าตาบอดทั้งสองข้างอยู่ตัวหนึ่ง ทุกๆ หนึ่งร้อยปี จะโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ ๑ ครั้ง และในท้องทะเลนี้มีห่วงที่พอดีกับหัวเต่าลอยอยู่อันหนึ่ง โอกาสที่เต่าตาบอดจะโผล่หัวขึ้นมา แล้วเอาหัวสอดเข้าไปในห่วงพอดี มีความยากเพียงใด โอกาสที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์นั้น มีความยากยิ่งกว่า” (มก. เล่ม ๖๑ หน้า ๑๘๕)
พระพุทธเจ้าได้ตรัสพระดำรัส ในคราวปรินิพพานว่า ภิกษุทั้งหลายเอาเถิด บัดนี้เราขอเตือนเธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมเป็นธรรมดาเธอทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด นี้ชื่อว่าปัจฉิมพุทธพจน์.
(พระไตรปิฎกอรรถกถาฉบับภาษาไทย เล่ม 1 หน้า 41)
เราควรดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท
ตามหลักพุทธวิธีง่ายๆ 3 วิธีคือ
ตามหลักพุทธวิธีง่ายๆ 3 วิธีคือ
1.การบำเพ็ญทาน
2.การรักษาศีล 5
3.การเจริญสมาธิภาวนา
1.การบำเพ็ญทาน
2.การรักษาศีล 5
ศีล หมายถึง ความตั้งใจที่งดเว้นจากความชั่ว ความทุจริต และสิ่งที่ไม่ดีทุกประการ ดังที่พระสารีบุตรได้กล่าวไว้ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรคว่า “ศีล คือ เจตนา ความตั้งใจ ที่จะงดเว้นจากกายทุจริต 3 (คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม) และวจีทุจริต 4 (คือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ)”
3.การทำสมาธิ คืออะไร
เมื่อกล่าวถึงสมาธิ ต้องเข้าใจในเบื้องต้นว่า สมาธิมิใช่เรื่องของฤๅษี
ชีไพร หรือมิใช่เป็นเรื่องที่ประพฤติปฏิบัติได้เฉพาะผู้ที่เป็นนักบวชเท่านั้น แต่สมาธิเป็นเรื่องของการฝึกฝนอบรมจิตใจ และเป็นการพัฒนาจิตใจให้มีความมั่นคง ตั้งมั่น และทำให้มีคุณภาพทางจิตใจที่ดีขึ้น ซึ่งในทางพระพุทธศาสนานั้น สมาธิสามารถประพฤติปฏิบัติได้ ทั้งเพื่อประโยชน์ต่อความมีชีวิตที่อยู่เป็นสุขในเพศภาวะของผู้ที่ยังครองเรือน และยังเป็นการปฏิบัติเพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้นสำหรับผู้ที่เป็นนักบวชอีกด้วย
ชีไพร หรือมิใช่เป็นเรื่องที่ประพฤติปฏิบัติได้เฉพาะผู้ที่เป็นนักบวชเท่านั้น แต่สมาธิเป็นเรื่องของการฝึกฝนอบรมจิตใจ และเป็นการพัฒนาจิตใจให้มีความมั่นคง ตั้งมั่น และทำให้มีคุณภาพทางจิตใจที่ดีขึ้น ซึ่งในทางพระพุทธศาสนานั้น สมาธิสามารถประพฤติปฏิบัติได้ ทั้งเพื่อประโยชน์ต่อความมีชีวิตที่อยู่เป็นสุขในเพศภาวะของผู้ที่ยังครองเรือน และยังเป็นการปฏิบัติเพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้นสำหรับผู้ที่เป็นนักบวชอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม สมาธิ ถือเป็นเรื่องสากล กล่าวคือ มิใช่เฉพาะพุทธศาสนิกชนเท่านั้นที่จะสามารถปฏิบัติสมาธิได้ แม้ผู้ที่นับถือศาสนาอื่นก็สามารถปฏิบัติสมาธิได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ การฝึกสมาธิจะเน้นให้ความสำคัญของการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง เพราะนอกจากจะทำให้ผู้ปฏิบัติเห็นผลด้วยตนเองแล้ว หากมีข้อสงสัยในเชิงปฏิบัติ ก็สามารถที่จะสอบถามจากผู้รู้ผู้ชำนาญได้อย่างตรงเป้าหมาย หรือตรงต่อประสบการณ์ที่ตนเองได้ปฏิบัติมา และถึงแม้จะมีการอธิบายรายละเอียดความรู้ของสมาธิในเชิงทฤษฎี แต่กระนั้นก็มิอาจที่จะละเลยสมาธิในเชิงปฏิบัติได้ มีเวลาก็ทดลองนั่งกันเลยแล้วจะพูดว่าเราน่าจะนั่งตั้งนานแล้ว ทำไมเราเพิ่งได้รู้จักนะ นั่งแล้วมีความสุขจังเลย.
คลิก
คลิก
ชีวิตเป็นของน้อย หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตาย การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก เกิดมาเจอพระพุทธศาสนายิ่งยากกว่ายากกว่ายากยิ่ง เราควรรักษาความโชคดี ด้วยการดำเนินชีวิตของเราอย่างไม่ประมาท ดำเนินชีวิตให้มีคุณค่าให้สมกับเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน เดี๋ยววัน เดี๋ยวเดือน เดี๋ยวปี มารู้ตัวอีกทีก็ใกล้กลับบ้านเก่ากันแล้ว เพราะฉะนั้นเราควรดำเนินชีวิตของเราให้มีคุณค่ากับเวลาที่เสียไปในแต่ละวัน อย่าหายใจทิ้งไปวันๆ ควรเติมบุญ เติมความดีงามให้กับตัวเราเองทุกวัน ชีวิตเราและครอบครัวจะมีแต่ความสุขและความเจริญ ประกอบกิจการงานใดๆก็สมความปรารถนาทุกประการ
ในแต่ละวันเราควรสร้างชีวิตของเราให้มีคุณค่า ด้วยการหมั่นเข้าวัดบำเพ็ญบุญทำทานรักษาศีลเจริญสมาธิภาวนาเป็นเนืองนิตย์ด้วยการ
เช้าใดที่เรายังไม่ทำทานเช้านั้นเราจะยังไม่ทานข้าว วันใดยังไม่ได้อาราธนาศีลวันนั้นเราจะยังไม่ออกจากบ้าน คืนใดเรายังไม่นั่งสมาธิเจริญภาวนาแผ่เมตตาเราจะยังไม่นอน 3 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราควรปฏิบัติให้เป็นเนืองนิตย์
เพื่อชีวิตที่ผ่านไปในแต่ละวันเป็นชีวิตที่มีคุณค่ายิ่ง เพราะมนุษย์เราเกิดมาเพื่อ ทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ และสร้างบารมี มิใช่เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมนะ
ในแต่ละวันเราควรสร้างชีวิตของเราให้มีคุณค่า ด้วยการหมั่นเข้าวัดบำเพ็ญบุญทำทานรักษาศีลเจริญสมาธิภาวนาเป็นเนืองนิตย์ด้วยการ
เช้าใดที่เรายังไม่ทำทานเช้านั้นเราจะยังไม่ทานข้าว วันใดยังไม่ได้อาราธนาศีลวันนั้นเราจะยังไม่ออกจากบ้าน คืนใดเรายังไม่นั่งสมาธิเจริญภาวนาแผ่เมตตาเราจะยังไม่นอน 3 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราควรปฏิบัติให้เป็นเนืองนิตย์
เพื่อชีวิตที่ผ่านไปในแต่ละวันเป็นชีวิตที่มีคุณค่ายิ่ง เพราะมนุษย์เราเกิดมาเพื่อ ทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ และสร้างบารมี มิใช่เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมนะ
เมื่อถึงคราหลับตาลาโลกจิตเราผูกกับ กุศลผลบุญจะทำให้เมื่อเราละสังขารจากโลกนี้เราจะไปอย่างผู้มีชัยไม่หวาดกลัวต่อมรณภัยถึงแม้มรณภัยจะรออยู่ข้างหน้าก็ตามเราก็ไม่กลัว เพราะชีวิตที่ผ่านมาเราไม่ได้ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ให้หมดไปกับกาลเวลา เมื่อเราหมดลมเราก็จะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์ แต่ถ้าเมื่อใดเราปล่อยเวลาทิ้งไปแบบไม่สร้างคุณค่าให้กับตนเองทำแต่เรื่องผิดศีลผิดธรรม เมื่อถึงคราหลับตาลาโลกเราก็จะไปสู่ทางอบาย น่ากลัวมากๆ
สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมเป็นธรรมดา
เธอทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงให้ถึงพร้อม
ด้วยความไม่ประมาทเถิด
ด้วยความไม่ประมาทเถิด
ปัจฉิมพุทธพจน์. (พระไตรปิฎกอรรถกถาฉบับภาษาไทย เล่ม 1 หน้า 41)