วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

เราควรดำเนินชีวิตอย่างไรให้มีคุณค่าในแต่ละวัน


มนุษย์เราทุกวันนี้ต้องดิ้นรน เช้ามาก็เหมือนนกบินออกจากรังไปหาอาหาร เย็นมาก็บินกลับเข้ารัง ตื่นเช้ามาก็ออกไปหาอาหาร ชีวิตมนุษย์เราจะปล่อยให้ไร้ค่าเหมือนนกกาอย่างนั้นหรือ มันไม่น่าจะง่ายหรือไร้สาระแบบนั้นนะ




การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นของยาก ต้องอาศัยกำลังความเพียรในการสั่งสมความดีอย่างยิ่งยวด พระพุทธองค์ทรงอุปมาความยากในการเกิดเป็นมนุษย์ไว้ว่า “ในท้องทะเลกว้างใหญ่สุดจะประมาณ มีเต่าตาบอดทั้งสองข้างอยู่ตัวหนึ่ง ทุกๆ หนึ่งร้อยปี จะโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ ๑ ครั้ง และในท้องทะเลนี้มีห่วงที่พอดีกับหัวเต่าลอยอยู่อันหนึ่ง โอกาสที่เต่าตาบอดจะโผล่หัวขึ้นมา แล้วเอาหัวสอดเข้าไปในห่วงพอดี มีความยากเพียงใด โอกาสที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์นั้น มีความยากยิ่งกว่า” (มก. เล่ม ๖๑ หน้า ๑๘๕)

การเกิดเป็นมนุษย์มันยากขนาดดังอุปมานี้ แล้วเราจะใช้ชีวิตของเราที่เกิดมาแสนยากนี้แค่ตื่นมาล้างหน้าล้างตาแต่งตัวแล้วไปทำงาน ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน วันรุ่งขึ้นก็ทำแบบนี้วนไปวนมาอย่างนั้นหรือ





พระพุทธเจ้าได้ตรัสพระดำรัส ในคราวปรินิพพานว่า ภิกษุทั้งหลายเอาเถิด บัดนี้เราขอเตือนเธอทั้งหลาย สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมเป็นธรรมดาเธอทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด นี้ชื่อว่าปัจฉิมพุทธพจน์. 
(พระไตรปิฎกอรรถกถาฉบับภาษาไทย เล่ม 1 หน้า 41)


เราควรดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท
ตามหลักพุทธวิธีง่ายๆ 3 วิธีคือ

1.การบำเพ็ญทาน

2.การรักษาศีล 5

3.การเจริญสมาธิภาวนา



การบำเพ็ญทาน



1.การบำเพ็ญทาน

ทาน ปลว่าการให้หมายถึง การสละสิ่งของของตน เพื่อเป็นประโยชน์ แก่ผู้อื่นด้วยความเต็มใจ คลิก 


การรักษาศีล 5



2.การรักษาศีล 5   

ศีล หมายถึง ความตั้งใจที่งดเว้นจากความชั่ว ความทุจริต และสิ่งที่ไม่ดีทุกประการ ดังที่พระสารีบุตรได้กล่าวไว้ในคัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรคว่า “ศีล คือ เจตนา ความตั้งใจ ที่จะงดเว้นจากกายทุจริต 3 (คือ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม) และวจีทุจริต 4 (คือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ)


การทำสมาธิเป็นสากล ทุกชาติศาสนาและเผ่าพันธ์ุล้วนทำได้



3.การทำสมาธิ คืออะไร

เมื่อกล่าวถึงสมาธิ ต้องเข้าใจในเบื้องต้นว่า    สมาธิมิใช่เรื่องของฤๅษี
ชีไพร หรือมิใช่เป็นเรื่องที่ประพฤติปฏิบัติได้เฉพาะผู้ที่เป็นนักบวชเท่านั้น แต่สมาธิเป็นเรื่องของการฝึกฝนอบรมจิตใจ และเป็นการพัฒนาจิตใจให้มีความมั่นคง ตั้งมั่น และทำให้มีคุณภาพทางจิตใจที่ดีขึ้น ซึ่งในทางพระพุทธศาสนานั้น สมาธิสามารถประพฤติปฏิบัติได้ ทั้งเพื่อประโยชน์ต่อความมีชีวิตที่อยู่เป็นสุขในเพศภาวะของผู้ที่ยังครองเรือน และยังเป็นการปฏิบัติเพื่อนำไปสู่ความหลุดพ้นสำหรับผู้ที่เป็นนักบวชอีกด้วย


ภาพแสดงที่ตั้งจิตทั้ง 7 ฐาน ของการทำสมาธิเพื่อให้เข้าถึงวิชชาธรรมกาย


แต่อย่างไรก็ตาม สมาธิ ถือเป็นเรื่องสากล กล่าวคือ มิใช่เฉพาะพุทธศาสนิกชนเท่านั้นที่จะสามารถปฏิบัติสมาธิได้ แม้ผู้ที่นับถือศาสนาอื่นก็สามารถปฏิบัติสมาธิได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ การฝึกสมาธิจะเน้นให้ความสำคัญของการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง เพราะนอกจากจะทำให้ผู้ปฏิบัติเห็นผลด้วยตนเองแล้ว หากมีข้อสงสัยในเชิงปฏิบัติ ก็สามารถที่จะสอบถามจากผู้รู้ผู้ชำนาญได้อย่างตรงเป้าหมาย หรือตรงต่อประสบการณ์ที่ตนเองได้ปฏิบัติมา และถึงแม้จะมีการอธิบายรายละเอียดความรู้ของสมาธิในเชิงทฤษฎี แต่กระนั้นก็มิอาจที่จะละเลยสมาธิในเชิงปฏิบัติได้ มีเวลาก็ทดลองนั่งกันเลยแล้วจะพูดว่าเราน่าจะนั่งตั้งนานแล้ว ทำไมเราเพิ่งได้รู้จักนะ นั่งแล้วมีความสุขจังเลย.
คลิก 






ชีวิตเป็นของน้อย หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตาย การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก เกิดมาเจอพระพุทธศาสนายิ่งยากกว่ายากกว่ายากยิ่ง เราควรรักษาความโชคดี ด้วยการดำเนินชีวิตของเราอย่างไม่ประมาท ดำเนินชีวิตให้มีคุณค่าให้สมกับเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน เดี๋ยววัน เดี๋ยวเดือน เดี๋ยวปี มารู้ตัวอีกทีก็ใกล้กลับบ้านเก่ากันแล้ว เพราะฉะนั้นเราควรดำเนินชีวิตของเราให้มีคุณค่ากับเวลาที่เสียไปในแต่ละวัน อย่าหายใจทิ้งไปวันๆ ควรเติมบุญ เติมความดีงามให้กับตัวเราเองทุกวัน ชีวิตเราและครอบครัวจะมีแต่ความสุขและความเจริญ ประกอบกิจการงานใดๆก็สมความปรารถนาทุกประการ

ในแต่ละวันเราควรสร้างชีวิตของเราให้มีคุณค่า ด้วยการหมั่นเข้าวัดบำเพ็ญบุญทำทานรักษาศีลเจริญสมาธิภาวนาเป็นเนืองนิตย์ด้วยการ 

เช้าใดที่เรายังไม่ทำทานเช้านั้นเราจะยังไม่ทานข้าว วันใดยังไม่ได้อาราธนาศีลวันนั้นเราจะยังไม่ออกจากบ้าน คืนใดเรายังไม่นั่งสมาธิเจริญภาวนาแผ่เมตตาเราจะยังไม่นอน 3 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราควรปฏิบัติให้เป็นเนืองนิตย์

เพื่อชีวิตที่ผ่านไปในแต่ละวันเป็นชีวิตที่มีคุณค่ายิ่ง เพราะมนุษย์เราเกิดมาเพื่อ ทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ และสร้างบารมี มิใช่เกิดมาเพื่อชดใช้กรรมนะ

เมื่อถึงคราหลับตาลาโลกจิตเราผูกกับ กุศลผลบุญจะทำให้เมื่อเราละสังขารจากโลกนี้เราจะไปอย่างผู้มีชัยไม่หวาดกลัวต่อมรณภัยถึงแม้มรณภัยจะรออยู่ข้างหน้าก็ตามเราก็ไม่กลัว เพราะชีวิตที่ผ่านมาเราไม่ได้ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ให้หมดไปกับกาลเวลา เมื่อเราหมดลมเราก็จะไปเกิดในสุคติโลกสวรรค์  แต่ถ้าเมื่อใดเราปล่อยเวลาทิ้งไปแบบไม่สร้างคุณค่าให้กับตนเองทำแต่เรื่องผิดศีลผิดธรรม เมื่อถึงคราหลับตาลาโลกเราก็จะไปสู่ทางอบาย น่ากลัวมากๆ


สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมเป็นธรรมดา 
เธอทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงให้ถึงพร้อม
ด้วยความไม่ประมาทเถิด

ปัจฉิมพุทธพจน์. (พระไตรปิฎกอรรถกถาฉบับภาษาไทย เล่ม 1 หน้า 41)